นูเญซ ดาวยิงคนใหม่ลิเวอร์พูล

นูเญซ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้สัมภาษณ์ชื่นชมฟอร์มการเล่นของ ดาร์วิน นูเญซ

ดาวยิงคนใหม่ของพวกเขากับฟอร์มการเล่นในเกมที่ “หงส์แดง” เป็นฝ่ายเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก คอมมูนิตี้ ชิลด์

กองหน้ามูลค่า 85 ล้านปอนด์ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามก่อนเกมถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเป็นคนสังหารประตูปิดท้ายให้ทีมเอาชนะ เรือใบสีฟ้า ด้วยสกอร์ 3-1 ในที่สุด

โดยหลังจบเกม คล็อปป์ ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นของดาวยิงคนใหม่ที่สามารถกลายเป็นคีย์แมนของทีมได้ทันทีในแมตช์ดังกล่าวว่า ”

เขายอดเยี่ยมมาก เห็นได้ชัดเจนว่าเขาสามารถยกระดับการเล่นได้ขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะถูกตัดสินในไปแล้วจากฟอร์มการเล่นในช่วงแรก มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแต่มันก็เกิดขึ้นกับเขา และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน”

“ทั้ง 2 ทีมยังไม่ได้เล่นในระดับ 100 เปอร์เซ็นต์จากสภาพร่างกายของนักเตะเวลานี้ แต่แน่นอนว่าเกมแรกๆ ของปรีซีซั่น

ระดับความฟิตของพวกเรายังมีไม่เท่ากับวันนี้ จังหวะสุดท้ายของเราไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ทุกคนตัดสินเราไปแล้วจากมัน

แต่เราก็อดทนมากพอและในที่สุดเรารู้ว่าเขาสามารถงัดฟอร์มการเล่นในระดับนี้ได้”

“ผมชอบการมีส่วนร่วมของเขาเมื่อถูกเปลี่ยนลงสนามซึ่งมันยอดเยี่ยมมาก ทุกคนที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมามีความสำคัญทั้งสิ้น

มันเป็นเกมที่ดี เรากลับมาสู่เกมของเราได้และ ซิตี้ ต้องวิ่งไล่บอลอย่างต่อเนื่อง เราจบเกมด้วยประตูที่สวยงาม เป็นเกมที่ตื่นตาตื่นใจ ทั้งคู่ได้ใช้นักเตะอย่างที่ต้องการและอย่างที่เราคาดหวัง”

“ดาร์วิน นูเญซ  เป็นกองหน้าสายพันธุ์พิเศษ และทุกคนต้องมองโลกในแง่ดีขึ้นอีกนิด การทำประตูและการมีส่วนร่วมกับการทำประตูเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกองหน้า แต่กับ ดาร์วิน หากแม้เขาไม่สามารถจบสกอร์ประตูที่ 3

ได้แต่เขาก็ยังยอดเยี่ยม ประตูนั้นสำหรับเขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น คุณสามารถเห็นได้ถึงสีหน้าของเขา สีหน้าของเพื่อนร่วมทีม ทุกคนยินดีที่ได้มีเขาอยู่ร่วมทีม”

กลายเป็นที่จับตามองอย่างต่อเนื่องสำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงตัวเก่งของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่อนาคตการค้าแข่งกับต้นสังกัดยังคงคลุมเครือต่อไป

โดยที่ผ่านมามีรายงานว่า กองหน้าวัย 37 ปี ต้องการย้ายออกจากสโมสร เนื่องจากต้องการลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก

ฤดูกาลที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น พร้อมทั้งได้ออกมาเรียกร้องให้ต้นสังกัดปล่อยตัวเขาในช่วงซัมเมอร์นี้

ซึ่ง สปอร์ต หนังสือพิมพ์ชื่อดังของสเปน ได้เผยว่าเบื้องหลังอีกเรื่องที่ทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องการย้ายออกจากทีมก็เพราะตัวของ

จอร์จิน่า โรดริเกวซ ภรรยาสาวสุดสวยของแข้งดังไม่ชื่นชอบการใช้ชีวิตในเกาะอังกฤษ และต้องการที่จะย้ายกลับไปใช้ชีวิตในสเปน โดยมีเมืองมาดริดเป็นเป้าหมาย

แต่ล่าสุด กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ได้เคลื่อนไหวในโลกออนไลน์อีกครั้ง ด้วยภาพการกลับมาฝึกซ้อมที่สนามแคร์ริงตัน พร้อมด้วยข้อความ “Working in progress…” (ยังคงทำงานต่อไป) งานนี้ทำเอาสาวกปีศาจแดง เริ่มมีความหวังว่าเจ้าตัวอาจตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ค้าแข้งกับทีมต่อ

ขณะที่ เอริค เทน ฮาก กุนซือคนใหม่ก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า โรนัลโด้ ยังอยู่ในแผนการสร้างทีมของเขา และพร้อมที่จะส่งลงสนามในเกมที่จะเตะอุ่นเครื่องกับ ราโย บาเยกาโน่ วันอาทิตย์นี้อย่างแน่นอน หลังที่ผ่านมายังไม่ได้ลงสนามในเกมทัวร์ปรีซีซั่นแม้แต่เกมเดียว

สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้  ยังคงเหลือสัญญากับสโมสรอีก 1 ปี (สัญญาถึง 30 มิถุนายน 2023) อย่างไรก็ตามต้องติดตามกันต่อ

ไปว่าอนาคตของเจ้าตัวจะเป็นเช่นไร หลังจาก จอร์จ เมนเดส เอเยนต์ของเจ้าตัวก็ยังคงพยายามที่จะติดต่อกับหลายสโมสรเพื่อหาต้นสังกัดใหม่ให้นักเตะในสังกัด

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หยิบถาดแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2022 มาครองได้สำเร็จ หลังโชว์ฟอร์มสวยอัด “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ลีกซีซั่นก่อน 3-1 ในการแข่งขันเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

1. แมนฯ ซิตี้ ไม่ดุดันเหมือนปีก่อน

Manchester City v Liverpool – The FA Community Shield / Matthew Ashton – AMA/GettyImages

ตลอด 90 นาทีในเกมวันนี้แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเป็นฝ่ายครองบอลและหาโอกาสยิงได้มากกว่าตามฟอร์ม แต่ก็เห็นได้ชัดถึงความ

แข็งแกร่งดุดันที่ลดน้อยลงไปจากฤดูกาลก่อนชัดเจน แน่นอนว่านี่ยังเป็นเพียงเกมการกุศล แต่กระนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่ก็เป็นตัวหลักของ

ซึ่งวันนี้ตกเป็นฝ่ายที่เล่นไปเข้าแผนของ ลิเวอร์พูล ไปเสียหมด ที่สำคัญคือเกมรุกที่เป็นจุดเด่นก็ไม่สามารถกดดันคู่แข่งได้เหมือนกับเกมนัดก่อน ๆ ที่พบกันมาอีกด้วย

ก็คต้องมาลุ้นกันว่าที่สุดแล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะมีไม้เด็ดมาเรียกความขลังของทีมกลับมาได้หรือไม่ หรือไม่แน่ว่านายใหญ่ชาวสเปนอาจจะจงใจออมมือลองแผนลองผู้เล่นแล้วค่อยปล่อยของเอาจริงในเกมลีกที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นก็เป็นได้…

2. คล็อปป์ กับแชมป์ทุกรายการในอังกฤษ

Manchester City v Liverpool – The FA Community Shield / Marc Atkins/GettyImages

ชัยชนะในเกมนัดนี้ส่งผลให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถคว้าแชมป์ทุกรายการที่มีในอังกฤษมาครองได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังเป็นการพา

ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีจากที่เคยทำได้ครั้งหลังสุดในยุคของ ราฟา เบนิเตซ เมื่อปี 2006 ซึ่งหลังจากนั้นแม้ว่าพวกเขาจะเข้าชิงได้อีก 2 ครั้ง

แต่ก็พ่ายการดวลจุดโทษต่อทั้ง อาร์เซนอล และ แมนฯ ซิตี้ ในปี 2019 และ 2020 อีกทั้งการเป็นแชมป์ในปีนี้ส่งผลให้ หงส์แดง เป็นสโมสรที่เคยชูถ้วยใบนี้มากที่สุดเป็นอันดับสองเทียบเท่ากับ อาร์เซนอล ที่ 16 สมัยเป็นรองเพียง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำไว้มากถึง 21 สมัยด้วยกัน

3. เดอะแบกยังเป็นหน้าเดิม